ห้องพระเก๊ 2009-12-11-พระเก๊ หรือพระปลอมนั้น..หมายถึงพระที่ทำขึ้นโดยการประดิษฐ์จากช่างฝีมือไม่ได้ปลุกเสกจากเกจิใด..หรือพระวัดใด. .พระเหรียญ.พระหล่อ.หากไม่ปรากฎพระเก๊ หรือพระปลอม..เราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า..ของแท้..หน้าตาเป็นอย่างไร..หรือหากท่านไม่ได้พระปลอมมา..พระที่ท่านถืออยู่ในมือแท้หรือปลอม..เซียนพระไม่ได้เก่งไปกว่าสมาชิก หรอกครับ..เพียงแต่โอกาสพวกเค้าได้สัมผัส..พระแท้..กับพระเก๊.. ส่วนพระปูนปั้นนั้น..ไม่มีจุดจะเปรียบเทียบ..จะนำพระ 2 องค์มาเปรียบเทียบกันคงจะไม่ได้.เพราะเนื้อมวลสารต่างกัน.หลายคนกดพิมพ์ หลายอารมณ์ หนักบ้างเบาบ้าง...มากพิมพ์ หลายเนื้อ.ก้อนมวลสารก่อนกดพิมพ์..แห้งบ้าง..เปียกบ้าง....ต้องอาศัยการดูบ่อย ๆ เห็นบ่อย ๆ ศึกษามาก ๆ....สิ่งแรกต้องสอบให้ผ่านคือพิมพ์ทรง..ต่อมาดูทางกายภาพธรรมชาติความเก่า..เมื่อพระผ่านกาลเวลาเราเห็นอะไรบ้าง... การปลอมพระปูนปั้น..แบ่งได้เป็น 2 ประเภท(จากปากเีซียน) ประเภทที่ 1..พระวัดอื่น หรือพระปลุกเสกโดยวัดอื่น..มีพิมพ์ทรงเป็นอย่างเดียวกัน..เซียนตีเก๊ ..ปลอม หรือผิดพิมพ์.ความเก่าไม่ถึง...เพราะเซียนท่านไม่รู้เป็นพระวัดใด.เลยต้องออกมารูปนั้น..แล้วทำไม่ไม่บอกท่านตรง ๆ ..ว่าพระเกจิ หรือวัดอื่นผมไม่ทราบ..เสียหน้าตรงไหน..เพราะพระสมเด็จ..สร้างมากวัด..หลายเกจิ..ทั่วประเทศ.ท่านคงไม่ว่าหรอก.. ประเภทที่ 2.ตั้งใจปั๊มพระออกมาให้เหมือนพระแท้..พระเก๊ หรือพระปลอมพวกนี้้.พิมพ์ทรงได้แต่.ขาดธรรมชาติของความเป็นพระแท้ และขาดมวลสารประกอบเป็นเนื้อพระโดยสิ้นเชิง..พระแท้ผ่านกาลเวลา..เนื้อพระฟ้องด้วยทางกายภาพทุกประการ .อย่าหลงชื่อ..คำพูดที่ว่า ..".ท่าพระจันทน์ทำเก๊ได้ทุกอย่าง...".เช่น.. .......การสร้างพระสมเด็จวัดระฆังนั้น...แม่พิมพ์ ซึ่งแกะจากหินชนวนกด เนื้อพระกับแม่พิมพ์ให้แน่นนำเอาไม้แผ่นมาวางทับด้าน หลังของพระสมเด็จวัดระฆัง แล้วใช้ไม้หรือของแข็งเคาะที่ไม้ด้านหลังเพื่อไล่ฟองอากาศและกดให้เนื้อพระ สมเด็จแน่นพิมพ์ การพิสูจน์พระแท้โดย..การพิจารณาทางจิตนี้ โบราณก็เคยได้ยินว่าอย่างท่าน พระอาจารย์ขวัญ(วิสิฎโฐ) วัดระฆังโฆสิตารามผู้เป็นศิษย์ของเจ้าคุณธรรมถาวรศิษย์ใกล้ชิดเจ้าประคุณ สมเด็จ ได้กล่าวถึงเรื่องการพิจารณาพระสมเด็จตอนหนึ่งว่า เมื่อหยิบพระมาพินิจด้วยอาการสำรวมจิตจะเกิดญาณหยั่งรู้ว่าเป็นพระสมเด็จแท้ และท่านพระครูธรรมราช ฐานานุกรมในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร ณ.อยุธยา) เป็นนักสะสมพระเครื่องรางของขลังชนิดต่างๆผู้หนึ่ง โดยเฉพาะมีความชำนาญในการดูพระสมเด็จ ว่า กันว่า ไม่ต้องหยิบพระมาพิจารณา เพียงมองดูห่างๆก็สามารถบอกได้ถูกต้องว่าเป็นพระสมเด็จแท้หรือมิใช่เรื่อง เช่นนี้เป็นไปได้๒นัยคือญาณวิเศษ อีกประการหนึ่งคนสมัยก่อนชอบนำพระมาลูบตามใบหน้าเพื่อจะเกิดความมันแลดูสวย ได้เคยพบใช้ขี้ผึ้งดำทาพระสมเด็จเก็บไว้นานปีต้องนำมาล้างแทบแย่ก็เคยมีให้ พบเห็น แต่เมื่อมาพบพระสมเด็จที่ไม่ผ่านการใช้คราบดำตามขอบจะไม่เกิดขึ้นเมื่อไป ตั้งทฤษฎีเลื่อนลอยเข้าเช่นนี้ความสงสัยในการพิจารณาพระสมเด็จจะเกิดประสบ ความยุ่งยากขึ้นด้วย ไปยึดติดความรู้ความรู้ที่ไม่มีพื้นฐานข้อเท็จจริงรองรับและพระสมเด็จที่ถูก ฝนขอบเพื่อสะดวกในการเข้าตลับของบุคคลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เคยพบ แต่เมื่อใช้แว่นขยายส่องดูจะปรากฏเห็นมวลสารได้ชัดเจนในบางพิมพ์ สำหรับท่านผู้อ่านซึ่งไม่เคยสร้างพระพิมพ์อาจมองไม่เห็นภาพพจน์ที่ชัดแจ้งก็ ไม่ต้องไปใส่ใจอะไร และก็ไม่เป็นการตายตัวที่ว่าพระพิมพ์สมเด็จที่มีการตัดขอบก็มีอยู่ให้ พิจารณาเอกลักษณ์อื่นเป็นส่วนประกอบอย่าไปคิดว่าหากพระสมเด็จองค์ใดไม่มีการ ตัดขอบข้างและไม่มีวัสดุดำแกมเทาปรากฏด้านข้างจะเก๊ไปหมด แยกวัดแยกสกุลออกให้หมดซึ่งอาจต้องใช้ความชำนาญและเห็นมามากหนังสือฉบับนี้ ไม่ได้สอนให้ดูพระแต่เสนอแง่คิดที่อาจสวนกระแสความเชื่อที่มีอยู่ โดยให้หันมาดูข้อเท็จจริงกันบ้างเท่านั้น เพื่อมิให้ด่วนปฏิเสธมรดกที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จได้สร้างไว้ให้อนุชนรุ่น หลัง การตัดขอบ..ไม่ นานมานี้เกิดมีผู้ไม่เคยสร้างพระพิมพ์ตั้งทฤษฎีขึ้นว่าพระพิมพ์สมเด็จมี การตัดขอบจากด้านหลังขึ้นสู่ด้านบน(หน้า)เช่นนี้ก็มีคนเชื่อและยกย่องให้ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้วยซ้ำไป เรื่องนี้ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงกล่าวคือมวลสารของพระสมเด็จเมื่อโขลกจน ได้ที่เป็นชั่วโมง จะจับตัวเป็นมาตรฐานลำบากถ้าเกิดความเปียกสูงเนื้อพระจะมีการหดตัวเมื่อถูก ตากแห้งแล้ว ถ้ามวลสารนั้นได้สัดส่วนไม่เปียกและแห้งเกินไปเนื้อพระจะตึง หากนำมวลสารที่ผสมบดแล้วออกจากครกมีจำนวนมากเกินไป ก็จะโดนลมและเริ่มแข็งตัวซึ่ง ขืนชักช้าจะพิมพ์ไม่ทันเนื้อผงมวลสารประกอบด้วยผงปูนเป็นตัวเชื่อมหลักจะ แห้งแล้วจะเกิดการแยกตัวแต่ไม่ใช่การแตกลายงาตามธรรมชาติ ดังจะเห็นจากพระชนิดอื่นซึ่งใช้กรรมวิธีแบบโบราณก็มีลักษณะเช่นกัน ทีนี้พระสมเด็จที่จะเกิดขอบนูนขึ้นมาน่าจะเป็นเทคนิคของผู้ตัดพิมพ์ท่านใด ท่านหนึ่งไม่ใช่ฝีมือเจ้าประคุณสมเด็จแน่ เพราะท่านไม่ได้สร้างพระเพียงองค์เดียว มีผู้ร่วมสร้างไม่น้อยกว่า ๑๔คณะตามที่กล่าวมานั้นในการตัดพิมพ์เป็นแน่นอน ที่สุด คือต้องมีการผสมค่อนข้างเปียก เมื่อนำออกจากพิมพ์แล้วต้องรอไว้ชั่วระยะหนึ่ง ขืนรีบตัดพิมพ์พระที่เนื้อเปียกนั้นเป็นต้องเละแน่ อันนี้เป็นเทคนิคส่วนหนึ่งที่จะแนะนำเนื่องจากคนวิเคราะห์ตรงนี้ได้ต้องเป็น พระที่ไม่ใช่การซื้อขาย แต่หมายถึงต้องลองทำตามดูว่าที่ เขาว่า กันนั้น มันจริงหรือไม่? ไม่ใช่นั่งเขียนตามๆกันไปซึ่งก็มีไม่มากที่พบว่าที่เขียนนั้นมันขัดกับหลัก ข้อเท็จจริงคือ การตัดปาดเฉียงลงประมาณ๑๕-๒๐ องศา แล้วปาดขึ้นแต่งเป็นขอบนูนเหนือกรอบกระจกตามเส้นกำหนดขอบในพิมพ์พระ จะแลดูคล้ายการตัดจากส่วนล่างขึ้นสู่ส่วนบน ตามธรรมดาพระพิมพ์ต้องวางลงบนพื้นราบหากหยิบขึ้นตัดขอบพระจะหักทุกองค์ (เนื้อยังเปียกอยู่) ครั้นไม่หยิบยกขึ้นตัดขอบก็ต้องแทงทะลุพื้นกระดานที่หนาหรือพื้นกระจกขึ้นมา จะไม่เกินไปหรือ? และถ้าพบพระสมเด็จองค์ใดไม่มีลักษณะเช่นที่ว่าจะตีความอย่างไร? อันนี้ย่อมเป็นส่วนเฉพาะของคนตัดพิมพ์คนใดคนหนึ่งเท่านั้นถ้าความนึกคิดเพี้ยนกันออกไปอีก การพิจารณาพระสมเด็จแทนที่จะรวบรัดดูกลับเกิดปัญหาไม่รู้จบสิ้นอย่างแน่นอน เพราะไม่มองข้อเท็จจริงว่าทำได้หรือไม่ไม่ได้ ในการพิจารณาพระสมเด็จนั้น ยังมีเทคนิคเรื่องการตัดขอบและพิจารณาขอบอีกมากอย่างดูการยุบตัวที่ขอบว่า พระมีอายุหรือไม่ ที่นำมาประกอบในหนังสือเล่มนี้ก็พอเป็นกระสายเท่านั้น อย่างการพิจารณาการตัดขอบถ้ารู้ลึกก็สามารถพิจารณาได้ด้วยว่าพระสมเด็จองค์ นั้นเจ้าประคุณสมเด็จ(โต)ได้ตัดขอบเองหรือไม่? อันนี้เป็นลักษณะเฉพาะที่น้ำหนักมือของใครของมันครับที่จะทิ้งร่องรอยให้ได้ ศึกษาพิจารณา ในระดับอนุบาลก็ดูรอยปาดก่อนว่า เป็นรอยตัดภายนอกพิมพ์มิใช่การตัดแบบในพิมพ์เช่นการทำพระเครื่องปัจจุบัน คนกดพิมพ์พระบางคนไปใช้น้ำมันตั้งอิ๊วทาแม่แบบแทนน้ำมันใส(แก้ว) ทีนี้แหละล้างเท่าไหร่ก็ไม่ออกแทบเสียพระไปเลย ความจริงทางปฏิบัติโดยทั่วไป เขาใช้น้ำมันงาเสก(บางทีใช้น้ำมันแก้ว)ทาแม่พิมพ์ซึ่งเป็นน้ำมันชนิดใสเพื่อ ความหล่อลื่นและคล่องตัวในการถอดพระออกจากพิมพ์ แป้ง โรยพิมพ์นั้นบังคับใช้อย่างเดียวคือการปั้นขนม แม่แบบจะเป็นไม้แกะร่องตามความยาวของแม่แบบ แล้วใช้พิจารณาการกดพิมพ์พระมันก็ไม่ถูกเรื่อง ความลื่นจะกลายเป็นความหนืดความเหนอะ องค์พระจะไม่คมชัดเพราะแป้งยัดตามซอกและส่วนละเอียดของแม่แบบ และเมื่อแป้งโรยพิมพ์เกิดการเปียกขั้นจะติดองค์พระขึ้นมา เมื่อกดพระไม่ถึงส่วนสุดของแม่แบบ และคราบแป้งกั้นอยู่ เมื่อนำพระมาล้างจะเกิดรอยขรุขระ เว้าแหว่งแลไม่งามตาในด้านสุนทรียภาพเคยพบพระพิมพ์ หลวงปู่ภู วัดอิทรวิหารชนิดที่ใช้แป้งแทนน้ำมัน นานปีเข้าแป้งจะจับตัวแข็งและล้างออกอยาก เมื่อล้างออกจะปรากฏรอยขรุขระคล้ายแมลงแทะเล็ม และก็พบในพระสมเด็จวัดระฆังบางรุ่นเนกัน แป้งเกาะกันเป็นแผ่นเลยทีเดียว *ส่วนคราบแป้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินับเป็น ปฏิกิริยาทางเคมี จะปรากฏในพระพิมพ์สมเด็จที่แก่ปูนที่เนื้อหนึกแกร่งเนื้อหนึกนุ่มไม่ค่อยพบ เป็นปฏิกิริยาระหว่างปูนกับน้ำมัน และการเก็บพระสมเด็จแบบคนรู้นก่อนๆเรื่องของคราบแป้งก็คิดทำคราบขึ้นโดยใช้ แป้งโรยตัวเด็กโรยลงที่องค์พระ โดยทำให้องค์พระมีความเปียกชื้นก่อนเพื่อให้แป้งจับตัวและหากใช้ผ้าสักหลาด อ่อนๆเช็ดเบาๆจะเกิดเงาสว่างทำให้พระแลสวยเช่นนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย นับเป็นคราบเทียม โปรดอย่าหลงใหลในเรื่องของคราบแป้งกันอีกเลย......
เหตุที่พระสมเด็จเกิดมีน้ำำหนัก เป็นเหตุปัจจัยอื่นแอบแฝงอยู่ ลองคิดดูว่าการใช้พระสมเด็จในสมัยโบราณไม่มีการบรรจุตลับหรือปิดกั้นด้วย แผ่นพลาสติก พระสมเด็จสมเด็จเป็นพระดูดซับเหงื่อได้มากจึงทำให้เกิดน้ำหนักและ ลองนำพระสมเด็จที่ไม่ผ่านการใช้ แช่ลงในน้ำจันทน์ จนอิ่มตัวแล้วนำมาชั่งน้ำหนักของพระจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวและพระสมเด็จที่มี การเสริมสวยผ่านการแช่น้ำมันหอมก็มีอยู่มาก นี่คือน้ำหนักอันแท้จริงของพระสมเด็จจะว่าหนักก็ได้ จะว่าเบาก็ได้ อย่าไปตั้งทฤษฎีเข้าโดยไม่ยอมทดลองเลยครับ พระเหรียญ.. พระเหรียญแท้นั้นดูง่าย....หากท่านได้เห็นพระเหรียญเก๊ หรือปลอม.. พระเหรียญเก๊ หรือ ปลอมนั้นดูยาก..หากท่านไม่เคยเห็นพระเหรียญแท้..ฉันใดก็ฉันนั้น การปลอมพระเหรียญนั้น..มีเพียงประเด็นเดียวคือการปั้มจากเครื่องแกะพิมพ์โดยช่างฝีมือ.ส่วนผ่านพิธีทางเกจิ หรือวัด ใด ๆ นั้นไม่ต้องพูดถึง...การตีเก๊นั้นต้องได้พระเก๊ หรือพระปลอมมา..เปรียบเทียบจากของปลอมถึงตีแท้ หรือเก๊.พูดง่าย ๆ ถ้าท่านไม่ได้เห็นของปลอมท่านไม่สามารถตีพระเหรียญว่าเก๊ หรือปลอมได้เลย..ไม่ต้องวงกลมว่า..ตรงนั้น..ตรงนี้..จุดนั้น..จุดนี้..เพราะพระเก๊ หรือพระปลอมนั้นหากปั๊มพระเหรียญโดยต่างช่างแกะพิมพ์...ช่างคอมฯ..หรือ.ต่างแท่นเครื่องพิมพ์..จุดตำแหน่งเก๊ หรือปลอมก็เปลี่ยนไปได้ ที่พูดว่าพระเหรียญปลอมเกรด A B C ไม่มีหรอกครับ..ปลอมคือปลอม..แท้คือแท้..นี่แหละครับ..เสน่ห์ของพระเหรียญ..ความคมของแบบพิมพ์..ไม่น่าเชื่อส่องดูพระเหรีญแท้..เหมือนเกจิท่านนั้นนั่งอยู่ตรงหน้า..มองเราอยู่.เหมือนมีชีวิต.พูดแล้วขนลุก. ปล.แท้ปลอมสำคัญไฉน..หากพระท่าน..ไม่มีขีด..หางแมว..ชายจีวร..จุดตรงนั้นตรงนี้..ที่เซียนตั้งข้อสงสัยไว้....ปลอมทันที...ใช่ไหมครับ.... คำสอน."ไม่เช่าพระเก๊...จะไม่พบพระแท้..ไม่ลองรัก..อกหักไม่รู้เป็นอย่างไร " การตัดสินพระเก๊..ของเซียนพระบนห้างดัง ท่านเคยสงสัยไหมว่า..ทำไมมีคนมากมายลงหนังสือพระประกาศขายพระ..ไม่นำพระไปขายให้กับเซียน.ตามห้างดัง.. ๆ..เอ้าเซียนพระไม่ให้ตังค์ใช้นะ...c้ ข้อ 1.เซียนพระก็คน...ซื้อพระท่านแล้วแม้จะแท้ แต่.พระชำรุด..สึก.ไปขายต่อไม่ได้ และเงินตัวเองจะจมทำไงดี..หาทางออกซิ ไม่มีตังค์ซื้อ ..ตีปลอมไว้ก่อน สีเนื้อพระไม่เหมือน.หรือเพี้ยนนิดหน่อย..ตีปลอมไว้ก่อน เนื้อพระไม่สวย..ชำรุด..สึก..ตีปลอมไว้ก่อน..ไม่ต่อราคาหรอกครับ..จะต่อราคาสถานเดียวข้อ 2 ครับ.. ข้อ 2 สมาชิกไม่ต้องเสียใจ..พวกเค้าไม่บอกท่านหรอกว่า..พระสวยหรือไม่สวย เช่น. คิดราคาให้ความสวย 100,000 บาท เอ้า..ราคาไม่สวยเอาไป 10,000. บาท. ..แต่ประการเดียวพระท่านต้องสวยกริ๊บ.เอ้า..คราวนี้...ตินู้น..ตินี้..ดูซิ..ร้อนหรือไม่.กดราคาสุด ๆ .มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น.คนสมัยนี้... ขัอ 3 พวกเค้าเลือกแต่พระสวยกดราคาถูก...ส่วนพระไม่สวย หรือสีเพี้ยนไปหน่อยตีเก๊ให้ท่านงงไปเลย..สงสัยละซิ....เอ..เมื่อคืนก็ตรวจดู...เส้นขนแมว..เนื้อเกิน..ที่หนังสือเค้าสอนทุกอย่างแล้ว..เป๊ะแน่นอน...วันนี้ได้เงินแสนใช้แน่...คดีพลิก..เค้าไม่ดูตำหนิที่พวกเค้าสอนไว้ด้วยซ้ำ.ขนแมว..เนื้อเกิน อย่าหวัง..เสียเวลา.. ..เค้าไม่บอกด้วยว่า..เก๊เพราะอะไร..เราก็ให้เครดิตเค่าเป็นเซียนนิ..เอ.เค้าตีเก๊..เค้าก็ไม่ต่อรองราคา....เค้าไม่ได้อะไร...พระเราคงเก๊แน่นอน.. เข้าใจหรือยังครับ..ยิ่งพระสมเด็จวัดระฆังไม่ต้องพูดถึง.มีหลายเนื้อ...หลายสี...ไม่ใช่พระพรรคพวก...พยักหน้า..อย่าหวังไปขายพวกนี้...ไม่มีทางตีแท้...ไม่มีทางได้ตังค์ใช้.พวกเค้าไม่เสียอะไร..แถมเท่อีกต่างหาก. ข้อ 4 ผมจึงตั้งชื่อห้องนี้ว่าห้องพระเก๊ไงละครับ..เพราะ.ในสายตาเซียนไม่มีทางเป็นพระแท้ถ้าสีเพี้ยน .พระมีตำหนิ จมูกบิ่น.,หรือดวงตา และคิ้วม่ายชัด... แม้กระทั่งพระท่านขูดขีด..ยังโดนดุเลย.ๆ .ทำไมไม่รู้จักรักษาพระเลยนะหากพระสวย ๆ 2 ล้านสบาย..แต่สีขูดอย่างนี้..2 หมื่นก็ไม่รู้จะรับดีหรือเปล่า.ใจเราเสียทันที..นอนไม่หลับไปหลายคืน..เลวจริง ๆ . ..แต่ก็อกเค้า..อกเรานะครับ..เงินทองมันหายาก..ถ้าเอาไปจม..ก็ไม่มีเงินซื้อพระสวยหากวันใดมีพระสวยเข้ามาในร้าน...เอ้าเงินหมดพอดี..หยิบยืมใครจาให้..จริงไหมครับ.. . ให้ สมาชิกตัดสินเองนะครับ..สายตาสมาชิกเองนะครับ..ตีเก๊..ตีแท้...ยึดถือคำสั่งสอนพระพุทธเจ้าไว้ "กาลามสูตร".นะ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้เป็นครู..เรียก."กาลามสูตร"... .กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่..ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ กาลามสูตรมีอยู่ 10 ประการคือ " เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ ..สวัสดี... |